Content Archive

ประวัติความเป็นมาของเครื่องดื่มชา

ชาเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่มีผู้นิยมมากอันดับ 2 รองจากน้ำดื่ม เพราะเป็นผลผลิตจากธรรมชาติจากใบชา ตูมชา ยอดอ่อน และก้านของต้นชา โดยผ่านกรรมวิธีแปรรูปหลากหลาย จนกลายเป็นชาต่างๆ แล้วนำมาชงหรือต้มกับน้ำร้อน ด้วยกลิ่นหอมกรุ่น รสชาติชื่นใจ จึงทำให้ได้รับความนิยมจากผู้คนมากมาย “ชา” เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับการเล่าขานมายาวนาน ตั้งแต่เมื่อประมาณ 2,737 ปีก่อนคริสต์ศักราช วันหนึ่งในขณะที่ฮ่องเต้เสินหนงกำลังเสวยน้ำร้อนในถ้วยหนึ่งอยู่นั้น ก็ได้มีใบไม้จากต้นไม้แถวนั้น บังเอิญร่วงลงในถ้วยน้ำร้อนของฮ่องเต้ ทำให้สีของน้ำร้อนในถ้วยเปลี่ยนไป แต่ฮ่องเต้ก็ยังคงเสวยน้ำในถ้วยแก้วนั้นต่อไป โดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีใบไม้ร่วงลงไป ด้วยรสชาติที่หอมอ่อนๆ ดื่มแล้วสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ฮ่องเต้ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง ในบทประพันธ์เรื่อง “ฉางจิน” ประพันธ์โดย “ลูอวี่” ได้มีการกล่าวถึงตำนานใบชาไว้ว่า “ฮ่องเต้เสิ่นหนงได้เคี้ยวพืชต่างๆ เพื่อทดสอบหาสรรพคุณของสมุนไพร ต่อมาฮ่องเต้เสิ่นหนงก็ได้ใช้ใบชาเป็นเครื่องดื่มช่วยในการถอนพิษด้วยเช่นกัน ประวัติความเป็นมาของชา ทำให้ได้ทราบว่าชาวจีนรู้จักการบริโภคชามาแล้วกว่าพันปี

น้ำเสาวรส สูตรสำเร็จเพื่อสุขภาพและความงาม

เสาวรส (Passion Fruit) หรือที่คนไทยมักรู้จักกันในชื่อ “กะทกรกฝรั่ง” เป็นผลไม้เขตร้อนประเภทเถาเลื้อย มี 2 สายพันธุ์คือ ชนิดเปลือกสีเหลือง และชนิดเปลือกสีม่วงอมแดง ให้ผลมากในฤดูหนาว มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ แต่เติบโตได้ดีในบ้านของเรา ผลมีลักษณะเป็นรูปกลมหรือรูปไข่ เนื้อภายในมีลักษณะคล้ายทับทิม สามารถรับประทานผลสดได้ แต่ด้วยความที่เสาวรสเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวจัด จึงนิยมนำมาคั้นทำเป็นเครื่องดื่ม ซึ่งให้คุณค่าทางโภชนาการสูง เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ ได้แก่ แคลเซียม โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก วิตามินเอ วิตามินบี 2 และวิตามินซี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยรักษาสมดุลในระดับเซลล์ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ รวมทั้งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย นอกจากนี้ยังมีสารไลโคปีนที่ช่วยบำรุงสายตา ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื่นให้กับผิว ช่วยรักษาสภาพเยื่อบุผิวหนัง และทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสอีกด้วย เสาวรสยังเป็นแหล่งของกากใยอาหารและมีปริมาณแคลอรี่ต่ำ

น้ำมะเขือเทศคั้นสด เกราะป้องกันโรคกระดูกพรุน

โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) หมายถึง ภาวะที่กระดูกมีความหนาแน่นของเนื้อกระดูกลดลง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในโครงสร้างของกระดูกที่ส่งผลให้กระดูกเปราะและหักง่าย มักพบในผู้สูงอายุ และสตรีที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน เนื่องจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายลดน้อยจึงส่งผลทำให้มวลกระดูกเกิดการสลายตัวในอัตราที่รวดเร็ว และมีผลทำให้เกิดอาการปวดตามข้อ รวมไปถึงกระดูกส่วนกลางที่ใช้ในการรับน้ำหนัก เช่น กระดูกสันหลังและกระดูกสะโพก ในระยะต่อมาจะค่อยๆ ทำให้ความสูงของลำตัวลดลง มีอาการหลังโก่งค่อม จนทำให้เสียบุคลิกภาพ มีการเคลื่อนไหวลำบาก หากเป็นมากจะทำให้ระบบทางเดินหายใจ รวมทั้งระบบทางเดินอาหารถูกรบกวน และถ้าหากมีการติดเชื้อในระบบดังกล่าวด้วย ก็จะทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนตามมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาวะถุงลมโป่งพอง หรือมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และท้องผูกเป็นประจำ เป็นต้น ปัจจุบัน มีงานวิจัยในต่างประเทศระบุว่า “น้ำมะเขือเทศ” มีช่วยเสริมสร้างกระดูกและป้องกันภาวะกระดูกพรุนได้ เพราะอุดมไปด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัส และสารไลโคปีน ซึ่งเป็นสารประกอบในกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่นอกจากจะมีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรงแล้ว ยังมีคุณสมบัติช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชาย มะเร็งรังไข่ในผู้หญิง

เครื่องดื่มสุขภาพน้ำผักผลไม้สีม่วง สูตรแก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ

ประจำเดือน (Menstruation) รอบเดือน หรือ ระดู คือ เลือดและเนื้อเยื่อที่หลุดลอกออกของเยื่อบุโพรงมดลูกที่ไม่มีการปฏิสนธิ ซึ่งจะสัมพันธ์กับการตกไข่ และการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเพศหญิง โดยปกติจะเกิดขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง ครั้งละ 3 – 7 วัน วันละ 35 มิลลิลิตร ดังนั้น หากใครที่กำลังประสบปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติ ไม่ว่าจะมามากเกินไป น้อยเกินไป หรือมาไม่สม่ำเสมอ ก็อย่าเพิ่งวิตกกังวลไปมากกว่านี้ เพราะความเครียดยังถือเป็นสาเหตุหลักของอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น แล้วลองหันมาแก้ปัญหาด้วยวิธีทางธรรมชาติ ที่รับรองได้ว่าไม่มีผลข้างเคียงใดๆ กับ “น้ำผักผลไม้สีม่วง: สูตรแก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ” ซึ่งมีส่วนผสมและสรรพคุณ ดังนี้ บีทรูต: เป็นผักเพื่อสุขภาพเพราะประกอบด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ ได้แก่

เครื่องดื่มชาหลากสี หลากสูตรบำรุงสุขภาพ

 เพราะ “สี” มีผลต่ออารมณ์และความรู้สึก และในปัจจุบันก็ยังถูกนำมาประยุกต์ใช้กับการบริโภคสมุนไพรที่มีสีต่างๆ กันด้วย เนื่องจากศึกษาแล้วพบว่า กลุ่มสมุนไพรที่มีสีเดียวกัน ส่วนใหญ่จะมีสรรพคุณที่คล้ายกัน ดังนั้น หากนำมาทำเป็นชาสมุนไพรสำหรับชงดื่ม ก็จะช่วยบำรุงสุขภาพร่างกายได้ดี ดังนี้ ชาสีแดง ได้แก่ ชาดอกกระเจี๊ยบ: นำกลีบเลี้ยงหรือกลีบรองดอกของดอกกระเจี๊ยบแดงมาตากแห้งแล้วบดเป็นผง ใช้ครั้งละ 1 ช้อนชาชงกับน้ำเดือด 1 ถ้วย (ประมาณ 250 ซีซี) ดื่มเฉพาะส่วนที่เป็นน้ำใสๆ วันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันทุกวัน จะช่วยบำรุงร่างกาย ป้องกันหวัด แก้อาการขัดเบา หรืออาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะได้ ชาสีเหลือง ได้แก่ ชาดอกดาวเรือง: นำดอกดาวเรืองมาล้างให้สะอาด